“น้องภูตัวร้อน ตัวรุมๆนะ”
เสียงย่ากับปู่บอกในเช้าวันหนึ่ง เมื่อน้องภูอายุได้ 10 เดือน
นั่นหล่ะ สัญญาณงานงอก…..เวลาลูกป่วยเราจะได้งัดความอดทนมาใช้กันรัวๆ
น้องภูพิงค์ เด็กน้อยที่แข็งแรง อารมณ์ดี อารมณ์เย็น ไม่งอแงไม่เคยโยเย และไม่เคยเป็นไข้มาก่อน
แม่เอามือไปอังที่หน้าผาก ตัวรุมๆจริงๆด้วย
ในหัวแม่รีบประมวลสเต็ปที่ต้องทำเมื่อลูกป่วยขึ้นมาทันที
จากประสบการณ์ที่เลี้ยงลูกคนแรกมา เป็นอะไรนิดๆหน่อยแม่ตกใจทำอะไรไม่เป็นรีบพาเวียงพิงค์ไปโรงพยาบาลทันที
ตอนนั้นจำได้ว่าเวียงพิงค์เป็นส่าไข้และแอดมิทไป 3 คืนทีเดียว เป็นการเจาะเต่าครั้งแรกของเวียงพิงค์เลยค่ะ
แต่สำหรับน้องภูพิงค์ แม่มีสติมากขึ้นและความกังวลที่มีลดน้อยลงไป “แก้ไขลูกไม่สบายเบื้องต้นฉบับบ้านยิ้มหวาน”
เริ่มประมวลภาพในหัวเป็นสเต็ป
- ประเมินอาการ สังเกตุอาการว่าไข้เกิน 38 หรือไม่ ถ้ามีไข้ต่ำๆ 37.5 – 38 องศาเซลเซียส เราควรป้อนยา ไทลินอลดรอป และไดมีแทปแบบหยดของทารก (เรื่องยาควรปรึกษาแพทย์)
- ดูอาการเบื้องต้น เรายังไม่รู้ว่าลูกเป็นไข้อะไร ให้ดูอาการเบื้องต้นก่อน เพราะหมอเคยบอกว่าสาเหตุที่เด็กเป็นไข้เพราะร่างกายกำลังต่อสู้กับเชื้อโรคทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น
- มีคนดูแลลูกใกล้ชิด 24 ชม. ลูกอาจเป็นไข้ธรรมดา หรืออาจเป็นไข้ที่เกิดจากเชื้ออันตราย ดูอาการชั่วโมงต่อชั่วโมงโดยการวัดอุณหภูมิร่างกายเพราะถ้าไข้สูงลูกอาจชักได้ ถ้าไข้สูงต้องรีบเช็ดตัว ถ้ากินยาเช็ดตัวแล้วไข้ไม่ยอมลง รีบไปหาหมอ
- ตัดสินใจก่อนบ่าย…จะคลายเครียดได้ ถ้าลูกอาการไม่ดีขึ้น เราควรตัดสินใจไป รพ. เพราะหมอประจำตัวลูกเข้าเวรถึงบ่าย 3 เราไม่อยากแบกรับอาการของลูกตอนดึกดื่นมันจะว้าวุ่นใจแล้วถ้าลูกอาการไม่ดี การไปหาหมอดึกดื่นไม่ใช่ทางเลือกที่ดีแน่ ถ้าเราวางแผนได้ ควรวางแผนขณะที่การทำงานสะดวกดีกว่า เคยไปดึกๆไปเจอหมอเวร ไม่ใช่หมอเด็ก มันไม่ค่อยโอเคสำหรับเราเลย
- เตรียมสิ่งที่จำเป็นสำหรับแอดมิท เตรียมอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ของลูกของแม่ให้พร้อม เผื่อไปโรงพยาบาลถ้าหมอให้แอดมิทจะได้ไม่ละล้าละลัง
- เชคประกันชีวิตลูกให้พร้อม บัตรประกันชีวิตลูก เขียนชื่อลูก ค่าห้อง ค่ารักษา ค่าแพทย์ติดไว้หลังบัตรเลย จะได้ไม่ต้องมานั่งนึกว่าจะนอนห้องแบบไหน เผื่อห้องไม่ว่างจะได้ตัดสินใจจากวงเงินได้..ลูกป่วยแม่ไม่เครียดเรื่องค่าใช้จ่ายด้วยการวางแผนทำประกันให้ลูกรายปีไปเลย
- จัดการเรื่องงานให้เรียบร้อย แม่มนุษย์ทำงานอย่างเรา….เตรียมพร้อมเรื่องลางานด้วยนะคะ จะลาครึ่งวันเต็มวัน โทรไปขอจากผู้บังคับบัญชาแล้วขอความกรุณามาเขียนใบลาทีหลัง รับรองทุกคนเข้าใจค่ะ
เอาล่ะ มาประเมินอาการน้องภูกัน
วันที่ 1 มีไข้ ย่าป้อนไข้ ไข้ลงไม่มีอาการงอแง กินข้าวกินนมได้ ไม่มีอาการแทรกซ้อนอื่นๆ
>>> ประเมินอาการแล้วอยู่บ้านไปก่อน
วันที่ 2 วัดไข้ ว๊ายตายแล้ว ไข้ 39.2 ไข้สูง รีบป้อนยา เช็ดตัวทันที
>> เริ่มตัดสินใจแล้วจะไปหาหมอหรืออยู่บ้านดี รอยาออกฤทธิ์ 1 ชม.ค่อยว่ากันอีกที ปรากฎไข้ลด แล้วพี่เค้าก็โอเคร่าเริงกินได้ เล่นปกติ โอเค อยู่บ้านต่ออีกวันนะเฮียอึดของแม่
วันที่ 3 มาแล้วววววว มันมาแล้ววววววว จุดแดงๆ มันใช่แล้ว น้องภูเป็นส่าไข้ ผื่นออกเต็มตัวเลยค่ะ โล่งอกโล่งใจมาก น้องภูเป็นส่าไข้ ไม่ต้องแอดมิท เย้ๆ แต่น้องภูเริ่มคันค่ะ เกาแกรกๆ (ย่าจัดยาเขียวใส่ในน้ำอาบให้เลย)
วันที่ 4 ผื่นยุบแล้วววววว เย้ ยาเขียวได้ผล ดีใจจีๆ สรุปคือ “น้องภูเป็นหัดกุหลาบหรือส่าไข้นั่นเองจ้า”
วันที่ 5 น้องภูหายแล้ว เย้ๆๆๆๆๆ เฮียอึดอะไรเยี่ยงนี้ลูกเอ้ยยยยย ไม่งอแง ไม่ร้องไห้โยเยเลย
วันที่ 6 ติด RSV โอ้มายกู๊ดเนสสสสส เจริญพรลูกเอ้ยยยยย ไปติดมาจากไหนเนี่ยพ่อจอมอึดของแม่ ขี้มูกใสไหลเย็นเห็นเป็นทางยาวเลย
ไว้มาเล่า RSV กัน ติดทั้งพี่ทั้งน้อง โปรดติดตามตอนต่อไป
ข้อควรระวังมากๆ
1. เด็กแต่ละคนอาการไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกัน สัญชาตญาณแม่จะบอกได้ว่าควรไปโรงพยาบาลเมื่อไหร่
2. ระวังเรื่องยาที่จะให้ลูกกินด้วยนะคะ เพราะลูกอาจเป็นไข้อย่างอื่นที่ไม่ใช่ส่าไข้ ปลอดภัยสุดสำหรับเด็กวัยนี้คือพาราแบบดรอปค่ะ
3. ระวังเรื่องไข้เลือดออกด้วยนะคะ อันนั้นก็มีผื่นเหมือนกัน ถ้าลูกไข้ไม่ลง กินไม่ได้ นอนไม่หลับ งอแง ไปโรงพยาบาลด่วนค่ะ
บทความนี้แม่จิ๊บเขียนจากประสบการณ์ในการรับมืออาการป่วยของลูก
แม่ๆที่มีลูกป่วยขอให้ใช้ข้อมูลเป็นแนวทางแต่ให้ใช้สัญชาตญาณความเป็นแม่ประเมินลูกนะคะ
ขอให้ทุกบ้านแข็งแรงจ้า….
ติดตามบ้านยิ้มหวานช่องทางอื่นๆได้ตามลิงค์เลยจ้า
Youtube >> https://www.youtube.com/channel/UCaY8vOhxkWUXI3GKdFyIrvQ
https://www.facebook.com/yimwhanfamily2016/
www.yimwhanfamily.com
**follow us** เพจ : เลี้ยงลูกให้โตไปกับหนังสือ Instragram : yimwhanfamily เว็บไซต์ : www.yimwhanfamily.com Youtube : Yimwhan Family อีเมลล์ : [email protected] Line Id : @yimwhanfamily