ค้นหา
Homeschool - Books - Bilingual - Phonics

สวัสดีค่ะทุกคน ได้เวลามาเล่าเรื่องการดำเนินการทำ Home School ให้ลูกในวัยอนุบาลแล้วค่ะ

หลังจากที่เรายื่นเอกสาร 2 อย่างนี้ไปที่เขตพื้นที่การศึกษา

1.แบบแสดงความประสงค์ขอจัดการศึกษาและจัดทำแผนการศึกษาโดยครอบครัว

2.แผนการจัดการศึกษาโดยครอบครัว

เราก็ได้การตอบรับกลับมาจากเขตพื้นที่การศึกษาแล้วค่ะ เรายื่นไปมีนาคม เพื่อให้ทันเปิดเทอมพฤษภาคม (เหมือนการเปิดเรียนของโรงเรียนตามปกติ)

15 พ.ค. 61 เราก็ได้หนังสือตอบกลับมาว่า “อนุญาตให้จัดการศึกษาโดยครอบครัว หรือ Home School แล้วค่า เย้ๆ” แบบนี้ค่ะ

 

 

นั่นเป็นสัญญาณให้เรารู้ว่า เราจะได้ทำ Home School ให้ลูกอย่างเต็มตัวแล้วค่ะ

(วิธีการทำแม่จิ๊บรีวิวให้ตั้งแต่มึนๆงงๆไม่เข้าใจเรื่องโฮมสคูลจนถึงการยื่นแผนผ่านในวันนี้ ที่นี่นะคะ อ่านได้เลยตั้งแต่ step 1-6 http://yimwhanfamily.com/category/home-school/ )

อันดับต่อไปคือการเตรียมถ่ายรูปลูกที่ร้านถ่ายรูป 1 นิ้ว จำนวน 2 ใบเพื่อไปติดบัตรนักเรียนให้ลูกค่ะ ซึ่งเราก็จะเข้าสู่กระบวนการเรียนแล้วจะมาเล่าให้ฟังนะคะว่าเราทำอะไรแบบไหนบ้าง (แชร์แบ่งปันกันตามที่บ้านเราเจอนะคะ) 

———————————————————————-

บ้านไหนที่กำลังจะยื่น ขอเป็นกำลังให้นะคะ มีหลังไมค์มาถามแม่จิ๊บเยอะมากค่ะเรื่องโฮมสคูล จึงขออธิบายไว้ตรงนี้ค่ะ

1.ถ้าตัดสินใจจะทำโฮมสคูล ควรพูดคุยกับที่บ้านให้เข้าใจ 

โฮมสคูลคือบ้านเรียน เป็นหนึ่งในสถานศึกษา ตามที่ พรบ.การศึกษามาตราที่ 12 ได้เขียนไว้ (นอกจากโรงเรียนแล้ว บ้าน วัด ศูนย์การเรียน ก็เป็นโรงเรียนให้ลูกได้เช่นกัน) โดยมีผู้จัดการศึกษา และแผนการศึกษา และผู้เรียน สถานที่เรียน เป็นปัจจัยสำคัญ

2. พิจารณาระดับโฮมสคูลโดยพิจารณาจากอายุลูก

ลูกเราอายุเท่าไหร่นั่นจะทำให้เรารู้ว่าเราจะต้องโฮมสคูลให้ลูกในระดับไหน ปฐมวัย มัธยมต้นหรือปลาย เพราะมันจะใช้การเขียนแผนการศึกษาที่ต่างกัน เราจะได้เตรียมตัวถูกค่ะ

3. คุณสมบัติผู้จัดการศึกษา

ถ้าจะเป็นผู้จัดการศึกษาให้ลูกเราจะต้องจบอย่างน้อยมัธยมศึกษาตอนปลายนะคะ

4.อ่านเรื่องราวโฮมสคูล Step 1-5 ให้เข้าใจ

แม่จิ๊บเขียนใน http://yimwhanfamily.com/category/home-school/ ให้ครบนะคะ และดาวโหลดเอกสารที่แม่จิ๊บส่งให้ไปอ่าน ให้ละเอียด รอบคอบ เข้าใจ เพราะมันจะมีบอกไว้ละเอียดมากค่ะ  เอกสารตามโพสนี้ https://www.facebook.com/groups/homeschoolnetwork/permalink/1823702104367121/

เอกสารจะมี 5 อันนะคะ อ่านได้ทุกระดับโฮมสคูลค่ะ (ส่งทางเมลล์เท่านั้นนะคะ บางท่านอาจได้ไม่ครบเพราะแม่จิ๊บเพิ่งได้ครบถ้วนจากประสบการณ์ยื่นให้ลูกตอน พ.ค.61 ค่ะ)

1.คู่มือจัดการศึกษาโดยครอบครัว

2.ตัวอย่างการเขียนแผนอนุบาล (มีแผนประถมด้วยค่ะ)

3.แบบแสดงความประสงค์และขอจัดการศึกษาโดยบ้านเรียน

4. แผ่นพับประชาสัมพันธ์โฮมสคูล

5.หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 (ฉบับใหม่ล่าสุดแทนฉบับเดิม ปี 2547)

5.ติดต่อเขตพื้นที่การศึกษาหาข้อมูลเบื้องต้น 

ไปหาข้อมูลดูนะคะว่าเราอยู่จังหวัดไหน สังกัดเขตพื้นที่การศึกษาใด แล้วไปขอข้อมูล จนท. เพื่อดูลู่ทางว่าจังหวัดเราเขตของเรามีคนทำโฮมสคูลหรือยัง เจ้าหน้าที่พร้อมไหม เค้าเข้าใจเรื่องนี้หรือยัง ถ้ายังเราจะได้หาข้อมูลและไฟว์ต่อค่ะ แต่ถ้ามีคนทำแล้ว เจ้าหน้าที่โอเค เราก็แฮปปี้ทำตามกระบวนการ

6. กลับมาเขียนแผนการศึกษา 

เขตพื้นที่การศึกษาจะให้เรายื่นแผนการศึกษาทุกปี ปีละ 2 ครั้ง คือ 1 กุมภาพันธ์ – 31 มีนาคม และ 1 กันยายน – 31 ตุลาคม ของทุกปี ถ้าเราจะยื่นในปีนั้นๆ เราควรเขียนเนิ่นๆ แล้วไปยื่นอย่าให้เลยกำหนด หรืออย่ายื่นวันสุดท้ายเป๊ะๆ เพราะต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่เค้าเดินเอกสาร พิจารณาและตรวจด้วยค่ะ 

7. ข้อควรรู้ก่อนยื่น

ก่อนจะยื่น ควรทราบว่า การศึกษาภาคบังคับคือ 7 ขวบ ดังนั้น ก่อน 7 ขวบ (0-6 ขวบเรียกว่าปฐมวัย) จะพาลูกเที่ยวรอบโลกหรือไม่จดอะไรก็ได้ แต่ถ้าอยากได้เงินสนับสนุนและคิดว่าลูกอาจมีปัญหาเวลาเข้า ป.1 เพราะมีบางโรงเรียนรับเด็กที่ต้องจบอนุบาล เราก็ไปจดโฮมสคูลค่ะ

8. การทำโฮมสคูล มีวิธีการหลักๆ 4 แบบ (ที่แม่จิ๊บทราบ)

8.1 จดกับเขตพื้นที่การศึกษา ก็เขียนแผนและยื่นตามที่แม่จิ๊บรีวิวไว้ค่ะ ข้อดี เราสอนเอง เรียนรู้ไปพร้อมกับลูก ได้เงินสนับสนุน ข้อที่อาจกังวล บางเขตเราอาจเป็นครอบครัวแรก เจ้าหน้าที่ไม่เข้าใจ หรือระบบไม่เอื้ออำนวย ทำให้เราต้องใช้กำลังใจเยอะมาก ต้องสตรองพอสมควร 

8.2 ไปจดใต้ร่มโรงเรียน  ไปหาดูในโรงเรียนใกล้บ้านท่าน ว่าเขารับเด็กโฮมสคูลไว้ใต้ร่มโรงเรียนหรือไม่ มันคือการฝากชื่อลูกไว้ที่โรงเรียนนี้แต่การเรียนการสอนก็จะออกแบบโดยท่านเอง (เท่าที่ทราบคือโรงเรียนรุ่งอรุณค่ะ ข้อดี โรงเรียนคอยดูแลเราและลูก เราไม่ต้องดำเนินการใดๆกับเขตเพราะโรงเรียนที่เราไปอยู่ใต้ร่มเค้าจะดำเนินการให้รวมถึงการประเมินลูกเราด้วย (เรียนที่บ้านจัดการเรียนโดยพ่อแม่แต่มีโรงเรียนเป็นพี่เลี้ยง)  ข้อกังวล เราจะไม่ได้เงินสนับสนุนจากเขตนะคะ เพราะเงินจะเข้าไปที่โรงเรียนแทนค่ะ

8.3 จดกับหลักสูตรต่างประเทศ (อันนี้แม่จิ๊บไม่มีข้อมูลค่ะ ถ้าทราบจะมาเล่าให้ฟังนะคะ)

8.4 จดกับศูนย์การเรียนรู้ ซึ่งต้องดูว่าในเขตของท่านมีใครจดเป็นศูนย์การเรียนรู้ไว้หรือไม่ ถ้าท่านจดกับศูนย์การเรียนรู้ ปัญหาบางอย่างที่ท่านเจอจากเขต ศูนย์เรียนรู้อาจมีทางออกให้ เช่น มีหลักสูตรที่ตอบโจทย์ท่านมากกว่าเขต หรือเวลาประเมินจะปรับให้เหมาะกับลูกท่านแตกต่างจากเขตมากขึ้น เมื่อเป็นศูนย์ก็จะหลากหลาย เพราะการเรียนไม่จำเป็นต้องใช้หลักสูตรเดียว เป็นต้น

9.ให้เราเอาความสุขของลูกและครอบครัวเป็นที่ตั้ง

ถ้าลูกอยู่โรงเรียนแฮปปี้ดี ก็ไม่มีปัญหานะคะ เพราะแม่จิ๊บคิดว่าข้อดีของโฮมสคูลคือ A B C ข้อดีของโรงเรียนคือ D E F เรื่องเลี้ยงลูกเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ยึดความสุขของลูกและครอบครัวของเราเป็นที่ตั้งค่ะ เราสบายใจแบบไหน ทำแบบนั้น ที่สำคัญจะทำต้องทำให้ดีและพยายามเพื่อลูกนะคะ ส่วนบ้านนี้อยากบอกเหลือเกินว่า จากที่ลุกป่วยเดือนละ 3 ครั้ง แอดมิทตลอดมกราที่ผ่านมา พอตัดสินใจทำโฮมสคูล ลูกไม่ป่วยมาจะ 4 เดือนแล้วค่ะ มันชัดเจนมากว่าเราได้ความสุขของลูกและครอบครัวกลับมาเยอะมากๆ เราแฮปปี้มากค่ะ

 

ขอให้เด็กๆและทุกบ้านมีความสุขกับการ Home School นะคะ

มีอะไรถามในเพจนะคะ ยินดีตอบค่ะ  https://www.facebook.com/yimwhanfamily2016/

 


 

**follow us**

เพจ : เลี้ยงลูกให้โตไปกับหนังสือ
Instragram : yimwhanfamily
เว็บไซต์ : www.yimwhanfamily.com
Youtube : Yimwhan Family
อีเมลล์ : [email protected]
Line Id : @yimwhanfamily

 

Author: Yimwhanfamily

Yimwhan Family แบ่งปันเรื่องราวแม่มือใหม่เลี้ยงลูกเชิงบวก ที่จัดการศึกษาทางเลือกในแบบ Life Long Learning สร้างเด็กรักการอ่าน (Read to Grow) และท่องเที่ยวสไตล์เด็กและครอบครัว โดย Real Mom "แม่จิ๊บ" Working Mom ที่มีความฝัน และ Passion คือ "เลี้ยงลูกให้โตไปกับหนังสือ"  

Leave a Reply

Your email address will not be published.

You may use these <abbr title="HyperText Markup Language">html</abbr> tags and attributes: <a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <s> <strike> <strong>

*