ค้นหา
Homeschool - Books - Bilingual - Phonics

อยากทำ Home School ให้ลูกจัง แต่ทำงานประจำ จะทำได้ไหมนะ?

อยากทำ Home School ให้ลูกจัง แต่ไม่ค่อยมีเวลาได้ดูแลลูก อืมม์ ทำดีไหมนะ?

ทำงานประจำอยู่ ลาออกมาทำ Home School ให้ลูกเลยดีไหมเรา!!

พ่อแม่ทำงานประจำทำ Home School ได้ไหมครับแม่จิ๊บ?

 

คำถามข้างบน เป็นคำถามที่แฟนเพจ เพจเลี้ยงลูกปลูกผักรักหนังสือ ส่งคำถามมาหลังไมค์ แม่จิ๊บคิดว่าคงเป็นประเด็นที่หลายคนอยากจะรู้ จึงเลือกมาเขียนบทความในวันนี้ค่ะ เป็นการแชร์ทัศนคติแม่จิ๊บนะคะ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

 

แม่จิ๊บกับสามีทำงานประจำทั้งคู่ค่ะ เรารู้จักเรื่อง Home School มาโดยตลอด แม่จิ๊บยอมรับว่าชอบวิถีของ Home School มากๆ เด็กๆได้เรียนรู้โดยครอบครัวดูแลใกล้ชิด ไม่เร่งการอ่านออกเขียนได้ ดูน่าสนุกจัง แต่เราก็ยังก็ไม่กล้าทำ Home School ให้ลูก เพราะทำงานประจำทั้งคู่ ส่งลูกไปโรงเรียนตอนอายุเกือบจะ 3 ขวบ ลูกก็สนุกสนานดีกับโรงเรียน แฮปปี้ได้เรียนรู้ ติดอยู่ที่ป่วยบ่อย อยากพาลูกออกมาเหลือเกิน มาทำ Home School แต่เราก็ยังไม่กล้าทำ Home School อยู่ดี  แม้จะมีปู่กับย่าอยู่ที่บ้านดูแลเด็กๆ แต่ถ้าไม่มีพ่อหรือแม่ ใครดูแลลูกเป็นหลัก สารภาพเลยตรงนี้ว่าไม่กล้าทำค่ะ ที่แม่จิ๊บได้ทำ Home School นั้นเพราะเหตุผลเดียวคือ …..สามีลาออกจากงานเพื่อไปทำธุรกิจส่วนตัวที่บ้าน…….สามีดูแลลูกเป็นหลัก พาลูกเรียนรู้ได้ จึงเป็นความลงตัวที่ไม่คาดคิดมาก่อน

ที่เล่ามาถึงตรงนี้ไม่ได้แนะนำให้ทุกคนลาออกมาทำ Home School ให้ลูกนะคะ…..

 

“ลูก เป็นสิ่งมหัศจรรย์และเป็นความพิเศษ” เมื่อเรามีเค้าเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิต เราจะอยู่ในโลกของลูกด้วยความรักอย่างเต็มใจ แต่ชีวิตเราไม่ได้มีแต่เรื่องเรียนรู้ของลูก เรายังมีเรื่องอื่นๆที่ต้องใช้ชีวิตควบคู่กันไปด้วย ยังมีงานต้องทำ มีหนี้ต้องใช้ เงินออมในอนาคต ชีวิตส่วนตัวและฝันของเรา ทุ่มเทให้ลูกนั้นเป็นสิ่งดี แต่อยากให้คิดถึงวันที่เราล้มด้วย …..เราวางแผนว่าเราจะอยู่ยังไง”  

ดังนั้น การทำ Home School จึงไม่ได้อยู่ที่ว่าพ่อแม่ทำงานประจำลาออกมาทำ Home School ได้ไหม ดีไหม แต่มันคือการวางแผนใช้ชีวิตอีกรูปแบบหนึ่ง เราวางได้ลงตัว มีความสุข พอดี เราแฮปปี้ไหม คนในครอบครัวโอเคไหม ลูกมีความสุขหรือเปล่า เท่านั้นพอ

สำหรับบ้านแม่จิ๊บยังยืนยันว่า “Home School (โดยเฉพาะปฐมวัย) จำเป็นต้องมีผู้ใหญ่ดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด” 

เพราะเหตุใด การทำ Home School จึงควรมีผู้ใหญ่คอยดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด 

1. ผู้ปกครองควรดูแลให้เด็กได้รัับการดูแลตามหลัก สิทธิเด็ก (Right of the Child) ถ้าพิจารณาตามสิทธิ 4 ด้านของเด็ก 

สิทธิในการอยู่รอด (Right of Survival) 

สิทธิได้รับการคุ้มครอง (Right of Protection) 

สิทธิในด้านพัฒนาการ (Right of Development) 

สิทธิการมีส่วนร่วม (Right of Participation)

การทำ Home School สำหรับเด็กปฐมวัย ไม่ได้ต้องการแค่ผู้ใหญ่ที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดเท่านั้น ผู้ใหญ่คนนั้นควรจะเข้าใจ รัก เอาใจใส่และให้ความอบอุ่นความปลอดภัยเด็กได้ทั้ง 4 ข้อข้างต้น ตามสิทธิเด็ก จัดหาอาหาร ดูแล ส่งเสริมพัฒนาการและให้เค้าได้มีอิสระที่จะได้เรียนรู้ ทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมและสติปัญญา  

2. ผู้ปกครองต้องมีเวลาที่จะศึกษาหาความรู้และดูแลเรื่องการเรียนรู้ของลูก

โฮมสคูลมีหลายแบบ บางคนก็ไม่ได้จดทะเบียนอะไรเลย แต่ไม่ว่าจะทำแบบไหน พ่อกับแม่หรือผู้ปกครองก็ต้องคอยดูแลกิจกรรมให้ลูกอยู่ดี ในกลุ่มโฮมสคูลมีกิจกรรมอะไร พัฒนาด้านไหนของลูก ห้องสมุด สื่อการสอน อัพเดทการเรียน พ่อแม่เป็นครู ก็ต้องดูแลจัดการในส่วนนี้ด้วย แม้จะเรียนรู้ตามความชอบของลูก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ หลายสิ่งหลายผู้ใหญ่อย่างเราก็ต้องจัดหาให้ลูกด้วยเหมือนกัน เป็นทั้งพ่อแม่ ครูของลูก บทบาทจะเพิ่มขึ้นมาอัตโนมัติ ยอมรับเลยค่ะว่าทำงานประจำกลับมาแล้วเหนื่อยมาก ถ้าไม่มีคนดูแลลูกเป็นหลักแบ่งเบาเรา คงจะหนักหนาเหมือนกัน

 

3.เศรษฐกิจในบ้านเป็นเรื่องสำคัญ การเงินมีปัญหาเราจะหันหน้าไปพึ่งใคร

ทำ Home School ได้เงินสนับสนุนจากรัฐ แต่มันก็ไม่ได้มากมายนะคะ ค่าใช้จ่ายเด็กโฮมสคูลอาจไม่ต้องจ่ายค่าเทอมเป็นก้อนๆ แต่ก็มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อาหาร กิจกรรม ค่ารักษาพยาบาล การเรียนรู้อื่นๆก็เหมือนกับเด็กๆทุกคน เรื่องเศรษฐกิจในครอบครัวจึงสำคัญ ปฏิเสธไม่ได้ว่ามนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ หลายครอบครัวนำเงินในอนาคตมาใช้ การติดกับดักมนุษย์เงินเดือน จนเงินเดือนไม่พอใช้ อยากลาออกก็ทำไม่ได้ แม่จิ๊บเข้าใจสภาวะนี้นะคะ เพราะบ้านเราก็เป็นหนี้ แต่เราไม่ควรเป็นหนี้จนเงินเดือนไม่เหลือใช้จ่ายนะคะทุกคน เป็นหนี้ได้ แต่เงินควรพอใช้ในแต่ละเดือน ถ้าไม่พอก็ต้องลดรายจ่ายและหารายได้เพิ่ม หาทางออมเงิน และไม่ควรลาออกจากงานโดยไม่ได้วางแผนการเงินเป็นอย่างยิ่งค่ะ เราไม่ได้ตัวคนเดียว เรามีลูก การคิดมันจะซับซ้อนกว่าเดิม เพิ่มเติมคือความเครียด “ต้นทุนในชีวิตคนไม่เท่ากันเราก็ต้องเข้าใจและสู้ต่อ”  ลองคิดภาพ เงินไม่มี งานไม่ได้ทำ หนี้ต้องใช้ แล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับคำว่า Home School …(ส่วนคนที่ไม่มีหนี้ ชีวิตและการตัดสินใจจะอิสระและง่ายกว่ามากเนอะ)

 

4. ผู้ปกครองจะต้องเก็บร่องรอยการเรียนรู้ให้เด็กปฐมวัย

แม่จิ๊บต้องออกบ้านแต่เช้าและกลับเย็น จะใช้วิธีหากิจกรรมแล้วให้พ่อเค้าพาไปจอยกับเพื่อน ยังไม่ต้องมากมาย ให้ดูวิถีชีวิตเราเป็นหลัก เอากิจกรรมที่เราชอบและสะดวกจริงๆ วันหยุดล็อคไว้ให้ลูก ตอนเย็นอย่างน้อยต้องได้คุยกัน อ่านหนังสือ อาบน้ำ เล่านิทาน เล่น หยอกล้อ ทุกการเรียนรู้เราจะสามารถนำมาประกอบการเรียนรู้ของลูกได้ จดบันทึกลงร่องรอยการเรียนรู้ของลูก ตอนนี้ยังไม่ได้มีตารางการเรียนใดๆที่บ้านค่ะ เน้นให้ลูกใช้ชีวิตและเรียนรู้อาชีพของพ่อแม่

 

5. การจัดตารางเรียนรู้ให้ลูก การประเมิน 4 ด้านของเด็กปฐมวัย

แม่จิ๊บคิดว่าอย่างน้อยเด็กควรมีตารางชีวิต มีระเบียนวินัย ดี เก่ง สุข เมื่อเค้าเติบโตก็ควรมีตารางบ้าง แม้จะไม่ได้เต็มรูปแบบเหมือนโรงเรียน แต่ก็ควรรู้ว่าควรทำอะไรยังไงกับชีวิตประจำวัน แต่สเต็ปนี้บ้านเรายังไม่ได้ทำค่ะ ไว้ทำแล้วค่อยมาแชร์กันนะ

 

6.ปัญหาการถูกล่วงละเมิดทางเพศ

ปัญหานี้เป็นปัญหาใหญ่นะคะ การทำ Home School ให้ลูกโดยไม่มีพ่อแม่ใกล้ชิดด้วย ก็อันตราย เคยอ่านข้อมูลมาว่าคนที่ล่วงละเมิดเด็กส่วนใหญ่จะเป็นคนใกล้ชิด เคยเห็นหน้าค่าตากัน เราจะฝากลูกไว้กับใครก็ต้องพิจารณาให้ดี ปัญหานี้เกิดขึ้นบ่อยๆในบ้านเรา จริงๆเป็นปัญหาระดับโลกด้วยนะ

มีข้อมูลน่าสนใจมาแปะให้อ่านนะคะ อ่านฉบับเต็มจากยูนิเซฟที่นี่ >> การล่วงละเมิดในเด็ก

การล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทั้งหญิงและชายก็ยังคงเป็นปัญหาหลักทั่วโลก รายงาน “A Familiar Face” พบว่า มีเยาวชนหญิงอายุ 15-19 ปีจำนวน 15 ล้านคนถูกบังคับให้มีเพศสัมพันธ์ หรือถูกกระทำทางเพศอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่ถูกกระทำโดยบุคคลที่เด็กรู้จัก ทว่ามีเพียงร้อยละ 1 ของเด็กเหล่านี้เท่านั้นที่ขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

สำหรับในประเทศไทยนั้น ข้อมูลที่กระทรวงสาธารณสุขรวบรวมจากศูนย์พึ่งได้ในโรงพยาบาล 523 แห่งทั่วประเทศในปี 2558 พบว่า เด็กจำนวนเกือบ 11,000 คน หรือราว 30 คนต่อวัน เข้ารับการรักษาพยาบาลจากการถูกกระทำรุนแรง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กผู้หญิงที่ถูกกระทำรุนแรงทางเพศ โดย 9 ใน 10 คนถูกกระทำโดยบุคคลที่เด็กรู้จั

 

7.ผู้สูงอายุในบ้านกับการใช้ชีวิต

บางบ้านอาจคิดว่า ฝากลูกไว้กับผู้สูงอายุในบ้านก็ได้ ในขณะที่พ่อแม่ทำงานประจำ ให้ลูกเรียนรู้กับปู่ย่าตายาย ข้อนี้ต้องพิจารณากันเยอะและในบริบทที่ต่างกันแต่ละบ้าน เพราะผู้สูงอายุเอง เค้าก็อยากพักผ่อน อยากมีชีวิตสงบๆ ลูกหลานอาจเป็นสีสันในบ้าน แต่งานเลี้ยงเด็กก็เหนื่อยนะ ขนาดเราเป็นพ่อแม่ยังอยากหาวันพักให้ตัวเองเลย บ่อยครั้งที่แม่จิ๊บวางแผนงานแล้วรีบกลับมาสลับผลัดเปลี่ยนช่วยปู่ย่า เพราะเข้าใจดีว่า “เลี้ยงลูกมีความสุขแต่เหนื่อยมาก มากจริงๆ” บ้านไหนที่คิดจะบริหารจัดการข้อนี้ลองเก็บไปพิจารณานะคะ

 

สรุปแล้ว “ไม่ใช่ทุกบ้านที่จะเหมาะกับการทำ Home School แต่ทุกบ้านสามารถเอาวิถีเอาหัวใจ Home School ไปใช้ได้ทุกแนวการเรียน อยู่บนพื้นฐานของความสุข น่าจะเหมาะสมที่สุด บ้านที่หาจุดลงตัวของตัวเองได้ ไม่ว่าจะ home school หรือเรียนในโรงเรียน ก็จะค้นพบการเลี้ยงลูกและการเรียนรู้อย่างมีความสุขได้อย่างแน่นอน”

 


**follow us**

เพจ : เลี้ยงลูกให้โตไปกับหนังสือ
Instragram : yimwhanfamily
เว็บไซต์ : www.yimwhanfamily.com
Youtube : Yimwhan Family
อีเมลล์ : [email protected]
Line Id : @yimwhanfamily

 

Author: Yimwhanfamily

Yimwhan Family แบ่งปันเรื่องราวแม่มือใหม่เลี้ยงลูกเชิงบวก ที่จัดการศึกษาทางเลือกในแบบ Life Long Learning สร้างเด็กรักการอ่าน (Read to Grow) และท่องเที่ยวสไตล์เด็กและครอบครัว โดย Real Mom "แม่จิ๊บ" Working Mom ที่มีความฝัน และ Passion คือ "เลี้ยงลูกให้โตไปกับหนังสือ"  

Leave a Reply

Your email address will not be published.

You may use these <abbr title="HyperText Markup Language">html</abbr> tags and attributes: <a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <s> <strike> <strong>

*