ก๊าบ ก๊าบ ก๊าบ เป็ดอาบน้ำในคลอง ตาก็จ้องแลมอง เพราะในคลองมีหอย ปู ปลา เอ๊ะ ลูกจ๋าเสียงที่ว่าคือเสียงอะไรกันนะ หนูรู้ไหมเอ่ย คำถามเชิญชวนให้เด็ก ๆ มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นหลังจากการฟังเพลง คุณพ่อคุณแม่คงจะทำกันบ่อย ๆ เลยใช่ไหมคะ แม่จิ๊บก็ทำบ่อยมาก ทังร้องทั้งเต้นเลย รู้ไหมคะว่านี่เป็นการกระตุ้นพัฒนาการลูกที่ดีมากๆ เพราะอะไรแม่จิ๊บจึงกล่าวเช่นนี้ เราไปแสวงหาคำตอบพร้อมกันเลยค่ะ
ทักษะการฟัง Auditory processing ถือเป็นทักษะที่มีความสำคัญกับเด็ก ๆ เป็นอย่างมาก
ความสำคัญของการฟัง
การฟังของเด็กจะรับรู้โดยประสาทสัมผัสทางหู แล้วคิดตามเรื่องราวที่เด็ก ๆ ได้ยินหรือได้ฟัง ทำให้เด็กเกิดประสบการณ์และเรียนรู้คำศัพท์ต่าง ๆ ภายในชีวิตประจำวันของตัวเด็กเอง ทั้งเป็นพื้นฐานในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม ซึ่งสังคมของเด็ก ๆ ที่ว่านั่นก็คือสังคมภายในโรงเรียนที่เด็ก ๆ จะต้องเป็นผู้ฟังที่ดีในการทำกิจกรรมตามคำสั่งของคุณครู หรือเข้าใจเรื่องราวง่าย ๆ ที่คุณครูถ่ายทอดผ่านบทเพลง นิทาน เป็นต้น และในขณะเดียวกันเด็ก ๆ ก็ได้เรียนรู้การเป็นผู้พูดที่ดีเช่นกัน แม่จิ๊บเลยได้นำกิจกรรมที่น่าสนใจในการพัฒนาทักษะการฟังมาฝากคุณพ่อคุณแม่ค่ะ
การอ่านหนังสือนิทาน เป็นวิธีที่จะช่วยให้เด็ก ๆ เกิดทักษะการฟังที่ดีนะคะ
และในขณะเดียวกันเด็ก ๆ ก็จะได้เรียนรู้คำศัพท์ต่าง ๆ ภายในนิทาน ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถเชิญชวนเด็ก ๆ เข้ามามีส่วนร่วมได้ตั้งแต่ขั้นเลือกหนังสือนิทานที่เด็ก ๆ สนใจด้วยตัวเอง และบทบาทในการเล่านิทานของคุณพ่อคุณแม่เองก็เป็นสิ่งสำคัญในการกระตุ้นจินตนาการของเด็ก ๆ โดยใช้น้ำเสียงในการเล่าที่น่าตื่นเต้น น้ำเสียงที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละตัวละคร บางครั้งอาจจะใช้ทั้งน้ำเสียงที่เบา น้ำเสียงที่ดัง เพื่อให้เด็ก ๆ มีความสนใจและอยากที่ติดตามเนื้อเรื่องต่อไปโดยไม่เกิดความเบื่อหน่ายค่ะ เมื่อเล่าเสร็จคุณพ่อคุณแม่เองก็อย่าลืมที่จะตั้งคำถามกับเด็ก ๆ เพื่อให้เด็ก ๆ ได้แสดงความคิดเห็นหรือตอบคำถามเมื่อคุณพ่อคุณแม่ตั้งคำถามขึ้นมา ซึ่งในขั้นนี้คุณพ่อคุณแม่จะได้สังเกตเห็นถึงทักษะการฟังของเด็ก ๆ ว่ามีความเข้าใจมากน้อยเพียงใด ตัวอย่างในการตั้งคำถาม คือ นิทานที่ฟังไปมีชื่อเรื่องว่าอะไร ในนิทานตัวละครอะไรบ้าง แล้วมีใคร ทำอะไร ที่ไหน และเกิดอะไรขึ้นบ้าง เป็นต้น
การฝึกให้ฟังเสียงต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวของเด็ก ๆ ไม่ว่าจะเป็นเสียงของสัตว์ เสียงของธรรมชาติ เสียงยานพาหนะ เพื่อที่เด็ก ๆ จะได้ฝึกการแยกประเภทของเสียงว่าเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงอะไร และอยากที่จะหาคำตอบด้วยความตั้งใจ
กิจกรรมนี้คุณพ่อคุณแม่สามารถเปิดเสียงจากทางโทรศัพท์ และให้เด็ก ๆ ร่วมกันทายได้ หรือถ้ามีเวลามากพอในการจัดเตรียมของคุณพ่อคุณแม่อาจจะใช้บัตรรูปภาพของเสียงแต่ละเสียง เช่น เสียงช้าง บัตรรูปภพก็เป็นรูปช้าง เพื่อให้เด็ก ๆ เกิดกระบวนการคิดเชื่อมโยงและเข้าใจมากขึ้นผ่านสื่อรูปภาพทางสายตา ในขั้นทำกิจกรรมนี้คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยเหลือหรือชี้แนะได้เมื่อเด็กต้องการความช่วยเหลือค่ะ ในช่วงอายุของเด็กที่โตคุณพ่อคุณแม่สามารถเพิ่มเสียงที่มีความหลากหลาย เพื่อที่จะให้เด็กเกิดความตื่นเต้นและเกิดความสนุกสนานมากขึ้นค่ะ
การร้องเพลงและเล่นดนตรี จะเห็นได้ว่าเด็กที่ชอบ ร้องเพลง เต้นรำ หรือเล่นดนตรีจะมีสมาธิและเรียนรู้จักหวะ หรือโน๊ตเพลง ในกิจกรรมนี้จะช่วยพัฒนาความสามารถในการฟังของเด็กได้ดีมาก และเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้และมีประสบการณ์ทางดนตรีอีกด้วยค่ะ
นอกจากจะช่วยในเรื่องการฟังแล้วแม่จิ๊บเองก็มองว่าเด็กที่เล่นดนตรี ร้องเพลง หรือเต้นรำ จะมีความมั่นใจ และมีความแม่นยำ ทั้งยังมีความกล้าแสดงออกด้วยค่ะ สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่สนใจอยากที่จะให้เด็ก ๆ มีทักษะการฟัง มีสมาธิ การร้องเพลงหรือการฟังเพลงถือเป็นกิจกรรมพื้นฐานที่ทุกคนสามารถทำร่วมกันได้ที่บ้านค่ะ
การพูดคุยด้วยกัน วิธีนี้คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้เลยนะคะไม่ต้องจัดเตรียมอุปกรณ์ให้วุ่นวายเลย เพราะคุณพ่อคุณแม่สามารถพูดคุยกับเด็ก ๆ ได้เพื่อให้เด็ก ๆ เข้าใจและเรียนรู้คำศัพท์ที่ถูกต้อง
ซึ่งแม่จิ๊บมองว่าบทบาทของคุณพ่อคุณแม่จะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในการออกเสียงที่ชัดเจน เพื่อที่เด็ก ๆ จะจดจำคำศัพท์ วิธีการออกเสียงที่สามารถนำไปใช้ในสถานการณ์อื่น ๆ ได้ค่ะ นอกจากการพูดคุยด้วยภาษาไทยแล้วนั้น คุณพ่อคุณแม่สามารถพูดคุยด้วยภาษาอังกฤษ เพื่อที่จะให้เด็ก ๆ เรียนรู้ภาษาที่สองในขณะเดียวกันเด็กได้เรียนรู้ทักษะการฟังภาษาอังกฤษด้วยความตั้งใจ เมื่อเกิดความคุ้นชินก็จะสามารถนำคำศัพท์มาเชื่อมโยงกันหรือตอบกลับเป็นประโยคขนาดสั้นได้ค่ะ กิจกรรมการพูดคุยนี้ทำให้คุณพ่อและคุณแม่ต่างก็มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับเด็ก ๆ อีกด้วยนะคะ
เห็นไหมละคะว่ากิจกรรมการส่งเสริมทักษะของเด็ก ๆ เป็นวิธีที่ง่ายมาก ๆ สามารถทำร่วมกันทั้งคุณพ่อคุณแม่และเด็ก ๆ ในช่วงกิจกรรมยามว่างได้เลยค่ะ นอกจากจะมีทักษะการฟังที่ดีแล้วนั้น สิ่งที่เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ร่วมนั่นก็คือ พัฒนาการทางด้านร่างกายในการทำกิจกรรมด้วยความคล่องแคล่ว พัฒนาการทางด้ายอารมณ์จิตใจ ที่ช่วยส่งเสริมให้เด็กมีอารมณ์ที่มั่นคง มีสมาธิและการรอคอยระหว่างการทำกิจกรรม พัฒนาการทางด้านสังคม เด็ก ๆ คุณพ่อคุณแม่เองนั้นก็จะมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีร่วมกัน ทำให้เด็กมีทักษะกการเป็นผู้ฟังและผู้พูดที่ดี เพราะเด็กจะเรียนรู้ว่าเวลาใดที่สามารถพูดแสดงความคิดเห็นได้ หรือในเวลาใดที่จะเป็นผู้ฟังที่ดี และในส่วนของพัฒนาการทางด้านสติปัญญา เด็ก ๆ จะเกิดกระบวนการเรียนรู้และเข้าใจคำศัพท์มากขึ้น จากการคิด การฝึกเรื่องการใช้คำถามจากคุณพ่อคุณแม่ หรือ การจำแนกประเภทของเสียงต่าง ๆ ที่ได้ยิน ทำให้สามารถนำประสบการณ์หรือสิ่งที่ได้เรียนรู้มาเชื่อมโยงกันและสามารถพูดคุย หรือสร้างประโยคสั้น ๆ จากคำศัพท์ที่ได้เรียนรู้ค่ะ ถ้าคุณพ่อคุณแม่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วก็อย่าลืมลองนำวิธีการเหล่านี้ไปทำร่วมกันกับเด็ก ๆ นะคะ
**follow us**
เพจ : เลี้ยงลูกให้โตไปกับหนังสือ
Instragram : yimwhanfamily
เว็บไซต์ : www.yimwhanfamily.com
Youtube : Yimwhan Family
อีเมลล์ : [email protected]
Line Id ขอไฟล์ไทม์ไลน์ Home School : @yimwhanfamily