7 Sound Books
หนังสือเสียง 7 แบบ เลือกให้ลูกยังไงดี??
ยิ้มหวาน แฟมิลี่ “เลี้ยงลูก ปลูกผัก รักหนังสือ”
หลังจากที่ได้เล่าเรื่อง หนังสือสำหรับเด็ก 0-1 ขวบไปแล้วนั้น
>> คลิกอ่านย้อนหลังได้ที่นี่ค่ะ หนังสือ 6 แบบ สำหรับเด็ก 0-1 ขวบ
เรามารู้จัก Sound Book หรือหนังสือเสียงกันบ้างค่ะ
ขอเรียก “หนังสือเสียง หรือ sound book ” ว่า “หนังสือที่ก้าวผ่านเส้นแบ่งขีดการอ่านออกเขียนได้”
เพราะหนังสือประเภทนี้ ใช้ “ตาดู หูฟัง มือกด” ค่ะ
ถามว่าหนังสือเสียงเหมาะกับใคร?
ถ้าพ่อแม่อ่านไปกับลูก สลับกันกด สลับกันเล่นและอ่าน
หนังสือเสียงทั้ง 7 แบบนี้ ก็อ่านได้ทุกวัยค่ะ แบบไหนที่ซับซ้อนก็กดให้ลูกฟัง
แต่ในกรณีที่เด็กอ่านและเล่นเอง จึงควรเลือกหนังสือเสียงเพื่อให้ง่ายและเหมาะสมต่อการเรียนรู้ตามวัย
มารูจักกับ 7 หนังสือเสียงสำหรับเด็ก 1- 5 ขวบ
เรียบเรียงจากการอ่านจริงของลูกๆของยิ้มหวานแฟมิลี่เองค่ะ
1. หนังสือเสียง one button ปุ่มเดียว เสียงเดียว
เป็นหนังสือที่มีปุ่มกดปุ่มเดียว ส่วนมากที่พบมักเป็นหนังสือการ์ตูนที่เด็กๆรู้จักดี
เช่น Peppa pig หรือ Ben& Holly ปุ่มที่กดเป็นปุ่มใหญ่ กดแล้วบุ๋มลง
เป็นเสียงที่เด็กๆจดจำง่าย ไม่ซับซ้อน และเป็นเสียงใช้ได้กับเนื้อเรื่องทั้งเล่มเสียงรถไฟฉึก ฉึก เสียงรถแทรคเตอร์
เหมาะกับเด็กเล็ก ที่เริ่มการอ่านหนังสือ ประมาณ 1-3 ขวบ
2. หนังสือเสียงขนาดกลาง
มักเป็นเรื่องราวของการ์ตูนที่เด็กๆคุ้นเคย
มีปุ่มกดเพิ่มขึ้นมา 3-7 ปุ่ม ปุ่มกดตื้นขึ้น เป็นเสียงสั้นๆตามเนื้อเรื่อง
เช่นเสียงรถไฟ เสียงหัวเราะ เสียงเพลงสั้นๆเป็นต้น
3. หนังสือเสียงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรอบตัว
เป็นหนังสือเสียงที่มีปุ่มและภาพระบุชัดเจน เป็นเสียงธรรมชาติเช่น น้ำตก นกร้อง
หรือเป็นเสียงสิ่งแวดล้อมรอบตัวอื่นๆเช่น เสียงเรือ เสียงรถ เสียงกล้องถ่ายรูป เป็นต้น
เด็กจะฟังเสียงที่ได้ยินและจินตนาการเชื่อมโยงกับสิ่งที่ได้เห็นและได้ยิน
ใช้ประสาทสัมผัสผสานไปกันจินตนาการ เด็กจะเลียนเสียงตามเสียงที่ได้ยิน
4. หนังสือเสียงสัตว์
เด็กทุกคนตื่นเต้นที่ได้เห็นสัตว์ และจะเริ่มบันทึกว่าสัตว์ตัวนั้นคืออะไร มีเสียงร้องแบบไหน
เมื่อเด็กๆพบกับสัตว์ชนิดนั้นๆก็จะจำได้ว่าเคยได้ยินเสียงมาก่อนแล้ว
บางครั้งการหยิบหนังสือเสียงสัตว์ไปเที่ยวสวนสัตว์พร้อมกับเด็กๆ ก็จะยิ่งเพิ่มความสนุกได้ขึ้นอีก
5. หนังสือเสียงตัวอักษรและคำศัพท์
เด็กที่เริ่มเปล่งเสียงเพื่อฝึกพูด จะเก็บข้อมูลไว้ในคลังสมองมากมาย
การฟังและการพูดจะมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
การเลือกหนังสือเสียงเพื่อฝึกอ่านและให้ฟังคำศัพท์ง่ายๆ จึงเป็นการกระตุ้นการฟังและการพูดได้เป็นอย่างดี
หนังสือชนิดนี้ มักมีทั้งปุ่มกดขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ปุ่มกดขนาดเล็กอาจต้องใช้แรงในการกดพอสมควร
จึงควรเลือกให้เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการฉีกขาดของหนังสือ
6. หนังสือเสียงเพลงสั้นๆ
เด็กชอบฟังเสียงเพลง บางครั้งอาจเป็นเพลงที่ฟังแล้วตื่นเต้นเร้าใจ
ฝึกให้เด็กเต้นตามจังหวะ ส่วนมากหนังสือเสียงเพลงมักมีดนตรีน้อยชิ้น
และมีความชัดเจนของเสียงดนตรี เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้เสียงจากเครื่องดนตรีแต่ละชนิด
และเรียนรู้ความแตกต่างของเครื่องดนตรีแต่ละแบบ
แต่หนังสือเสียงบางชนิดก็เป็นเพลงเพื่อกล่อมนอน ผ่อนคลาย ฟังแล้วสบายใจ
7. หนังสือเสียงฝึกเล่นดนตรี
เด้กๆสามารถฝึกการใช้นิ้วมือไล่ตามโน๊ตต่างๆในหนังสือ
หนังสือเสียงชนิดนี้เหมาะกับเด็กโต 3-5 ขวบ
ดนตรีนั้นช่วยพัฒนาสมองลูกตั้งแต่อยู่ในครรภ์เลยทีเดียว
สำหรับเด็กเล็ก
“หนังสืออาจไม่ใช้อ่าน แท่งไม้อาจไม่ใช้เรียง”
ผู้ใหญ่ชอบกำหนดลงไปว่า หนังสือมีไว้อ่านหรือดู
แต่สำหรับเด็ก บางครั้งมีไว้สำหรับสร้างอุโมงค์ บางครั้งเป็นกระดาษวาดรูป และบางครั้งก็เป็นของสำหรับฉีกเล่น
บางส่วนบางตอนจากหนังสือ “กว่าจะถึงอนุบาล ก็สายเสียแล้ว”
ของ มาซารุ อิบุกะ
การซื้อหนังสือให้ลูก จึงไม่ควรวิตกกังวลเรื่องฉีกหนังสือจนเกินไป เพราะเด็กๆย่อมอยากรู้อยากเห็นเป็นธรรมดา
แต่ก็ควรเลือกหนังสือให้ลูกตามวัย เลือกหนังสือให้เหมาะกับวัย…ดียังไง??
1. หนังสือเหมาะกับพัฒนาการทางร่างกาย
2. ลดความเสียหายของหนังสือลง
3. เด็กๆรู้จักหนังสือและมีนิสัยรักหนังสือ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนค่ะ อ้อ….หนังสือเสียงเปลี่ยนถ่านได้นะจ๊ะ
**follow us** เพจ : เลี้ยงลูกให้โตไปกับหนังสือ Instragram : yimwhanfamily เว็บไซต์ : www.yimwhanfamily.com Youtube : Yimwhan Family อีเมลล์ : [email protected] Line Id : @yimwhanfamily