ค้นหา
ปฐมวัย

สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่ วันนี้เป็นวันที่แม่จิ๊บยิ้มกว้างมากๆ

ความเหนื่อย ความท้อ มันหายไปหมดเลย เมื่อมีสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น

แม่จิ๊บแต่งงานและวางแผนจะมีลูก 2 คน ชาย 1 หญิง 1 เป็นไปตามแผน วางแผนปีที่เกิด ได้ตามคาดคะเน แต่ก็ยังมีข้อที่คาดไม่ถึงและได้เรียนรู้คือ แม่จิ๊บท้องลม 1 ครั้ง (ภาวะตั้งครรภ์ที่มีถุงไข่แต่ไม่มีตัวอ่อน) ทำให้แท้ง และต้องขูดมดลูก เสียใจแต่สามีบอกว่า “มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้ และเป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ต้องโทษตัวเอง มันคือสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้” ตั้งแต่นั้นมาแม่จิ๊บก็พยายามหาข้อมูลการเลี้ยงลูก วิถีชีวิตเปลี่ยนไป สนใจการศึกษาทางเลือก อยากเลี้ยงลูกให้มีความสุข อาจเป็นเพราะตอนเด็ก แม่จิ๊บได้อิสระในการเรียนรู้มากๆ พ่อแม่ให้อิสระเต็มที่และเชื่อมั่นในตัวลูกมากๆ แม่จิ๊บจึงซึมซับความสุขที่ไม่เคยถูกบังคับ พ่อแม่ชื่นชม และไว้ใจ เราเลยกล้าเลือกกล้าลอง พอผิดพลาดก็กล้าลุกและลองมัน รับผิดชอบมันด้วยตัวเอง อยากให้ลูกเป็นแบบนี้ จึงวางแผนที่จะทำ Homeschool และเรียนรู้เรื่องนี้ให้เยอะที่สุด (ที่มาของการเขียนบันทึกและบทความ) เพื่อให้ตัวเองเข้าใจ และในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นยังไง เราจะยังมีทางเลือกเสมอ

ในความเป็นเด็กปฐมวัย 0-7 ขวบ มีทักษะหลายอย่างที่ต้องพัฒนา

ทั้งร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคม  และสติปัญญา เอาตามจริงความแม่มือใหม่ ไม่ได้จบปฐมวัย ยังไม่รู้หรอกค่ะทักษะไหนเป็นทักษะอะไร

แต่สิ่งที่ตั้งเป้าให้ลูกได้ติดตัวก่อน 7 ขวบ คือ 3 อย่างนี้ค่ะ

1.Literacy คือ การเรียนรู้หนังสือ และ ภาษาอังกฤษ การอ่าน ถ้าเปรียบเป็นทักษะใน 4 ด้านของเด็กอนุบาล ก็คือข้อ “สติปัญญา”

2. Self-Directed Learning คือ การเรียนรู้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องบังคับ อยากเรียนรู้เอง คือกุญแจที่จะเข้าสู่แหล่งเรียนรู้อื่นๆ (เพราะการศึกษาในอนาคตจะเปลี่ยนไปมากๆ)

3. ร่างกายที่แข็งแรงและจิตใจที่แจ่มใส มีมารยาทและวินัย (อยากให้ลูกเป็นเด็กน่ารัก)

Homeschool

แม่จิ๊บคิดว่า วิธีการที่พัฒนาง่ายที่สุด คือ “การพัฒนาทักษะไปพร้อมกับที่ร่างกายลูกที่เติบโตตามวัย โดยมีพ่อแม่แนะนำและเน้นที่การจัดสภาพแวดล้อม”

นั่นหมายความว่า เด็กจะถูกพัฒนาตามลำดับคือ ฟัง พูด อ่าน และเขียน

ตามลำดับขั้น ในช่วงอนุบาล เน้นเรียนรู้ทางเลือก เล่น อ่านสนุกๆ ยังไม่ทราบว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไงบ้าง แต่ลูกมีความสุขกับการเติบโต แม่ก็สบายใจ

1.การฟัง  ช่วง 0-7 ขวบ เน้นการอ่านให้ลูกฟัง พาลูกรู้จักหนังสือหลายๆแบบ เป้าหมายตอนนี้คือ “หนังสือคือธนาคารความรู้ คือหน้าต่างของโอกาส การอ่านจะเปิดโลกและเป็นทักษะที่สำคัญที่สุดในการเรียนรู้ด้วยตัวเอง” หนังสือที่บ้านส่วนมากจะเป็นภาษาอังกฤษค่ะ เพราะหนังสือของต่างประเทศจะมีการแบ่งประเภทไว้ชัดเจน เช่น หนังสือสัมผัส สำหรับวัยเบบี๋ หนังสือ lift the flap สำหรับวัยเริ่มโต พวก Chapter book และ Comic สำหรับเด็กโต เป็นต้น จะต่างกับหนังสือไทยพอสมควร อ่านหนังสือต่างประเทศให้ฟัง 80% หนังสือนิทานไทย 20% ในบ้านพูดไทยกลาง และภาษาเหนือค่ะ

2.การพูด เมื่อลูกเริ่มพูดได้ เราจะพูดกับเค้าช้าๆ จับมือชี้อ่านไปด้วย เล่นไปอ่านไป ถึงแม้สื่อและการสอนเป็นภาษาอังกฤษ 80% แต่เราพูดภาษาไทย ด้วยเหตุผลที่ว่า ภาษาไทยยากกว่าภาษาอังกฤษ มีตัวอักษรถึง 44 ตัว ในมุมมองของแม่จิ๊บคือ กลัวลูกได้ภาษาอังกฤษแล้วไม่เอาภาษาไทยค่ะ เลยสอนไปควบคู่กัน ส่วนย่าสอนพูดภาษาเหนือ ลูกเริ่มพูดภาษาเหนือคำแรก จำได้ว่าน้องเวียงพิงค์พูดคำว่า “บ่ะป๊าวๆๆๆ” ชี้ลูกมะพร้าวหน้าบ้าน ส่วนน้องภูพิงค์ตอนพูดเหนือได้คำแรก คำว่า “อะหยาง” ภาษาเหนือแปลว่า อะไร? ตลกดี 555 ตอนเบบี๋ลูกสองคนพูดชื่อย่าไม่ได้ ตลกมาก คนโตเรียก “ย่าเหยียน” คนเล็กเรียก “ย่าแหรน” คุณย่าชื่อ “เหรียญทอง” ออกเสียงยาก เรื่องนี้โตมาแล้วเล่าให้ลูกฟัง เค้าขำมากๆ น่าร๊ากกกก

Homeschool

3.การอ่าน เมื่อลูกเริ่มอ่านออก พฤติกรรมการเรียนรู้จะเริ่มอัพเวล เวียงพิงค์มักหยิบหนังสือไปอ่านเองในมุมต่างๆ การจัดสิ่งแวดล้อมจึงสำคัญมาก ช่วง 3-6 ขวบ เค้าชอบวาดรูปขีดๆเขียน เล่นดินน้ำมัน ปีนป่าย ช่วงนี้จะอยู่อนุบาล 1-3 พอดีค่ะ เริ่มฝึกอ่าน A-Z  /อ่าน กขค /นับเลข 1-10 อะไรแบบนี้  แม่เน้นสอนภาษาอังกฤษแบบ Phonics นะคะ เด็กจะสะกดคำได้แบบธรรมชาติ

Dusit Thani Laguna Phuket

4.การเขียน เป็นทักษะสุดท้ายที่เริ่มช้ากว่าทักษะอื่นๆ เพราะการเขียนจะทำได้ เมื่อ 3 ทักษะด้านบนได้รับการพัฒนาและพร้อมจริงๆ ลูกเริ่มเขียนเอง อ่านเอง ฟังเอง และพูดในสิ่งที่เค้าชอบตามพัฒนาการเรื่อยๆ แม่ชื่นชมเวลาลูกวาดภาพมาอวด ลูกเลยวาดเอาๆค่ะ

5.พัฒนาเป็นองค์รวม เมื่อ 4 ทักษะถูกพัฒนาเต็มที่ เมื่อเค้าเข้า ป.1 เด็กจะเข้าสู่สังคมการเรียนรู้ตามแบบแผนของสถานศึกษานั้นๆ ก่อนที่เด็กๆจะเข้าโรงเรียน แม่จิ๊บได้คุยกับสถานศึกษาไว้ก่อน รวมถึงเลือกแนวทางที่เหมาะสม โชคดีที่โรงเรียนนี้อยู่ใกล้บ้านค่ะ 15-20 นาทีก็ถึง โรงเรียนมักมีไอเดียการสอนการเรียนรู้แบบสนุกๆ ผอ.โรงเรียนเคยกล่าวในงานอบรมกับครูฟินแลนด์ครั้งหนึ่งว่า “เมื่อก่อนเราคือยุคเกษตรกรรม(พ่อแม่เรา) ต่อมาเป็นยุคอุตสาหกรรม(เรา) และสำหรับเด็กๆยุคนี้(ลูกเรา) เรียกว่า ยุคนวัตกรรม เราต้องพัฒนาเด็กให้เป็นนวัตกร พัฒนาทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพราะความรู้ในยุคเราหลายๆอย่างนั้น หมดอายุลงแล้ว พร้อมกับการเกิดอาชีพใหม่ๆ” เมื่อโรงเรียนกับครอบครัวทำหน้าที่ร่วมกัน การวิ่งหาแหล่งเรียนรู้ให้ลูกก็เบาลง คอยซัพพอร์ตลูก ลูกเริ่มเข้าสังคมเพื่อน เจอะเจอปัญหาต่างๆ เราคุยและคอยช่วยกันแก้ไข ช่วงนี้เราคุยกันเยอะมากๆ เพื่อให้เค้าก้าวเดินผ่านช่วงปฐมวัยเข้าสู่การเป็นเด็กประถมเต็มตัว ภูพิงค์มีบ่นว่าได้เล่นน้อยลง =_= (โรงเรียนเด็กๆก็สอนโฟนิกส์ค่ะ บ้านกับโรงเรียน way เดียวกัน)

Romance Farm

กระเตงพาทำกิจกรรมพาเที่ยวเหมือนเหนื่อยไม่เป็น จริงๆเหนื่อยมาก(เสียงพี่จอง) แต่แม่กินรอยยิ้มกะเสียงหัวเราะเป็นอาหารค่ะ

จนมาถึงตอนนี้ค่ะ วันนี้แหล่ะ

เวียงพิงค์ 9.9 ขวบ หยิบหนังสือภาษาอังกฤษมาอ่านเป็นเรื่องสั้นๆได้แล้วค่ะ (แม่ปลื้มใจน้ำตาจิไหล) ส่วนภาษาไทยเธออ่านคล่องมากๆครูชมมาตลอดค่ะ

ภูพิงค์ 7.5 ขวบ เริ่มอ่านภาษาไทยได้เอง สะกดถูกๆผิดๆ ภาษาอังกฤษอ่านเช่นเดียวกัน

แม่เห็นว่า แม่สบายขึ้น เพราะเมื่อเราสอนลูกคนแรกแล้ว เค้าจะมาใช้กับน้องอัตโนมัติค่ะ

(โรงเรียนมี R15 ค่ะ คือ Read 15 นาทีหนังสืออะไรก็ได้ แม่จิ๊บเลยปรับใช้ที่บ้านด้วยคือการทำ R30= Read 30 เราจะอ่านกัน 30 นาทีที่บ้านเป็นอย่างน้อย)

=========

Dusit Thani Laguna Phuket

แม่เน้นไปที่การจัดสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการจัดชั้นหนังสือโชว์ปก เพราะเด็กจะสนใจเมื่อได้เห็น หยิบง่าย

เด็กจะเรียนรู้เองได้ ต้องมีทักษะและเครื่องมือที่จะเข้าถึงการเรียนรู้นั้น

จะต้องรักการเรียนรู้ กระหายไคร่รู้ มีไฟในการอยากเรียนรู้ เมื่อไฟนั้นมอดลง ก็รู้จักเติมไฟให้ตัวเอง

พ่อแม่มีส่วนกระตุ้นไฟนั้นมากจริงๆ การใกล้ชิดกับลูกเพื่อสนองต่อความกระหายใคร่รู้นั้นสำคัญมากค่ะ

มีทักษะและเครื่องมือ ที่จะเข้าถึงการเรียนรู้เหล่านั้น

การเรียนรู้ด้วยตัวเอง การอ่าน สำคัญจริงๆ 

แม่จิ๊บอ่านกับลูก ตอนลูกอยู่ในท้อง ไตรมาสที่ 3 ช่วงเดือนที่ 7-9  นอกจากจะพูดคุยกับลูกแล้ว มีส่องไฟฉาย ร้องเพลง อ่านหนังสือ คุยกับลูกในท้องวนไป

บางครั้งก็เคยไม่เข้าใจ และท้อกับการรอคอย

แต่ไม่เคยสงสัยเลย ลูกได้ทักษะนี้แน่ๆ แต่เค้าจะแสดงออกมาเมื่อไหร่

อ่านแทบทุกวัน กระเตงพาทำกิจกรรมเยอะมากๆ

Homeschool - Books - Bilingual - Phonics

กราฟนี้ค่ะที่แม่ยึดในการเรียนรู้มาตลอด

จนมาวันนี้ สัปดาห์นี้ค่ะ ที่จู่ๆลูกก็อ่านให้ฟัง แบบไปต่อได้ รู้จักการออกเสียง อ่านได้ หาคำศัพท์เอง

อาจเพราะเค้าโตขึ้นด้วย และสิ่งที่เราให้เค้าตอนเด็กๆ มันแสดงออกมาหมดเลย

วันนี้หายเหนื่อยมากค่ะ แม่จิ๊บอยากพูดแบบนี้มา 9 ปีแล้ว

วันนี้พูดได้เต็มปากว่า ลูกได้ทักษะนั้นไปแล้ว แม่จิ๊บคิดว่าตอนนี้เด็กๆได้ทักษะการเข้าถึงข้อมูลและการเรียนรู้แล้วค่ะ

ทักษะการฟัง พูด อ่าน และเขียน พัฒนาขึ้นมาเป็นลำดับ เมื่อเค้าอ่านออก โลกก็สนุกขึ้น แม่เบาแรงลงมากๆ

อ้อ เด็กๆที่บ้านไม่มีปัญหาการติดโทรศัพท์ค่ะ ชีวิตแม่ที่สบายขึ้นและไม่กังวลแล้ว มันเป็นแบบนี้เอง

วันนี้ผลลัพธ์ที่ออกมา แม่พูดได้เต็มปากเลยว่า

“ทุ่มเท 0-7 ขวบเถอะ มันเหนื่อยมาก แต่มันสุดจะคุ้มจริงๆ”

Kids-Travel-Family

เราเติบโตด้วยกันมาตลอดจริงๆเลย จากเกี่ยวแข้งเกี่ยวขา

นิทานม่วนใจ

มาเป็นผู้เล่า จากต้องอ่านให้ฟังตลอด มาวันนี้เด็กๆเป็นผู้เล่า แม่รับบทฟัง

และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ค่ะ ความลิงโลดใจฟูของแม่จากการได้เห็นสิ่งที่ลูกแสดงออกมา ลูกเริ่มอ่านนิทานสั้นได้เอง เย้ๆๆๆๆดีใจ ดีใจม๊ากกกกก ลูกอ่านแบบนี้คือสัญญาณว่าเค้าจะเข้าถึงโอกาสเรียนรู้อีกมากมาย ดีใจเวอร์ ดีใจมาก ดีใจที่ซู๊ด การทุ่มเทของเรากว่าจะเห็นผลน้อ  

หวังว่าจะเป็นกำลังใจให้พ่อแม่ที่กำลังทุ่มเทให้ลูกๆนะคะ บางทีผลที่ได้มันช้ามากๆ บ้านเราชัดเจนตอนลูก 9 ขวบค่ะ ดีที่แม่รู้ว่าผลลัพธ์จะยอดเยี่ยมแน่ๆ ถึงบางครั้งจะท้อ แต่แม่กับพ่อไม่หยุด เราจะไม่หยุ๊ดดดดด บทต่อไปคือดนตรีกับกีฬา ที่รอเด็กๆอยู่ สู้โว้ยยยย!!!

แม่จิ๊บเองค่ะ

 

========

คอร์สต่างๆที่แม่จิ๊บทำไว้เพื่อพัฒนาการลูกน้อย

  1. คลิก >> คอร์สเลี้ยงลูกให้โตไปกับหนังสือ
  2. คลิก >> คอร์สเลี้ยงลูกให้โตไปกับโฟนิกส์
  3. คลิก >> คอร์ส Homeschool Plus
  4. คลิก >> หนังสือ Homeschool ปฐมวัยไดอารี่ 
  5. แอดเป็นเพื่อนเราเพื่ออัพเดทเรื่องราวต่างๆ Homeschool

**follow us**

เพจ : เลี้ยงลูกให้โตไปกับหนังสือ  Instagram : yimwhanfamily

เว็บไซต์ : www.yimwhanfamily.com  Youtube : Yimwhan Family

อีเมลล์ : [email protected]  Line Id : @yimwhanfamily

 

Author: Yimwhanfamily

Yimwhan Family แบ่งปันเรื่องราวแม่มือใหม่เลี้ยงลูกเชิงบวก ที่จัดการศึกษาทางเลือกในแบบ Life Long Learning สร้างเด็กรักการอ่าน (Read to Grow) และท่องเที่ยวสไตล์เด็กและครอบครัว โดย Real Mom "แม่จิ๊บ" Working Mom ที่มีความฝัน และ Passion คือ "เลี้ยงลูกให้โตไปกับหนังสือ"  

Leave a Reply

Your email address will not be published.

You may use these <abbr title="HyperText Markup Language">html</abbr> tags and attributes: <a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <s> <strike> <strong>

*